บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2017

ประวัติดอก Forget Me Not

รูปภาพ
ประวัติดอก Forget me not ดอกไม้ชนิดนี้มีตำนานเกี่ยวข้องกับความทรงจำเกี่ยวกับความรัก…ครั้ง หนึ่งเมื่อนานมาแล้วในฝรั่งเศส ในสมัยของอัศวินเสื้อเกราะและนางใน อัศวินผู้กล้าหาญ ได้เดินชมจันทร์กับสาวงามนางหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ยอดหญิงของอัศวินได้มองเห็นดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอวิงวอนให้เขา ลงไปเก็บให้ แต่ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ เสื้อเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ก่อนที่เขาจะจมหายไปในกระแสธาร เขาโยนดอกไม้ให้หญิงคนรัก และร้องตะโกนว่า " Ne m'oubliez pas "..อย่าลืมฉัน ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ ลักษณะต้น : มีลำต้นที่แข็ง สูงประมาณ 0.5-1 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงรอบลำต้น ใบเล็กเรียวปลายโค้งมน มีขนอ่อนปกคลุมทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อ ๆ หนึ่งยาวประมาณ 20- 30 ซม. มีลักษณะเป็นดอกไม้ขนาดเล็ก สีฟ้า 5 แฉก โดยจะออกดอกตามปลายยอดส่วนโคน กลีบจะเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ วิธีการปลูกและการเจริญ เติบโต : อายุการเพาะเมล็ด จากว

ประวัติดอกแพนซี่

รูปภาพ
ประวัติดอกแพนซี่ ตำนานกรีกเป็นเรื่องของเจ้าชายแอตทิส (Attis) แห่งฟรีเจีย (Phrygia) เทพีไซบีลีหรือซิบิลี (Cybele) หลงรักเจ้าชายหนุ่มผู้นี้อย่างหัวปักหัวปำ แต่ทว่าแอตทิสกลับไปมีใจให้หญิงอื่น (บางที่ก็ว่านางชื่อ Atta บางที่ก็ว่าเป็นนางพรายน้ำชื่อ Sagaritis) ด้วยความริษยาและพิโรธอย่างที่สุด พระนางจึงลงทัณฑ์แอตทิสให้เสียสติและปลิดชีพเขาในที่สุด บางที่เล่าว่าแอตทิสถูกทำให้เป็นบ้าจนถึงกับตอนตัวเองและฆ่าตัวตาย ดอกแพนซี่เกิดมาจากเลือดของเขาที่หลั่งลงดิน แพนซี่เป็นดอกไม้ในตระกูล "ไวโอลา" (viola) เช่นเดียวกับไวโอเล็ต ไวโอลาเป็นตระกูลดอกไม้ที่ใหญ่โตมาก มีดอกไม้ในวงศ์วานกว่า 500 ชนิด แต่ "แพนซี่" เป็นดอกไม้ที่ใครๆ มักจะเอ็นดูด้วยหน้าตาของมันนั่นเอง ... ดอกแพนซี่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และรับประทานได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะปลูกไว้ในสวน ทั้งดอกและใบแพนซี่ อุดมไปด้วยวิตามินเอ และ ซี (ถ้าน้องตูบมาและเล็มแพนซี่ ก็คงเพราะต้องการวิตามินเสริมนี่เอง !) ดอกแพนซี่สามารถนำไปทำเป็นน้ำเชื่อมก็ได้ เสริมรสชาติให้น้ำผึ้ง โรยหน้าสลัดก็ดี ทั้งใบและดอกแพน

ประวัติดอกลิลลี่สีขาว

รูปภาพ
ประวัติดอกลิลลี่สีขาว ดอกลิลลี่ขาวบริสุทธิ์มีตำนานเกี่ยวข้องกับการกำเนิดของเฮอร์คิวลิส เทพผู้ทรงพลัง หลังจากเฮอร์คิวลิสเกิดขึ้นมาแล้ว มหาเทพซูสผู้เป็นบิดาอยากให้ลูกของตนเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก จึงแอบอุ้มทารกเฮอร์คิวลิสไปวางบนอกของเทวีเฮร่าระหว่างที่นางหลับ เพื่อให้ดื่มนมจากอกนาง แต่เมื่อดื่มไปทารกเฮอร์คิวลิสก็เริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความแรงของพลังดูดจึงมหาศาลจนเทวีเฮร่าตกใจตื่นพอพระนางเห็นมีเด็กหน้าตาบ้องแบ๊วมานอนซบอกก็ตกใจ รีบปัดเฮอร์คิวลิสกระเด็นแล้วเหาะหายไปบนท้องฟ้า จนน้ำนมสีขาวสะอาดหยดเป็นทาง ไม่นานน้ำนมเหล่านั้นก็กลายเป็นดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ที่ชื่อว่าดอกลิลลี่นั่นเอง ดอกลิลลี่จึงมีความหมายถึงความบริสุทธิ์ดุจดั่งน้ำนมของมารดาและความไร้เดียงสาของชีวิต

ประวัติดอกเบญจมาศ

รูปภาพ
ประวัติดอกเบญจมาศ ในญี่ปุ่นมีเรื่องเล่าของ " ดอกเบญจมาศ " ว่าผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ " คิกุโนะ " กับสามีของเธอรักกันมาก แต่สามีเป็นคนขี้โรคป่วยกระเสาะกระแสะตลอดเวลาวันหนึ่งหมอก็แจ้งข่าวร้ายว่าสามีของเธอคงจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงเดือนเดียว คิกุโนะได้ฟังก็เสียใจ รีบวิ่งไปอธิษฐานกับพระในศาลเจ้าขอให้สามีเธอมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น จากนั้นเธอก็เผลอหลับไปในความฝันคนแก่คนหนึ่งมาบอกกับคิกุโนะว่าถ้าหาดอกไม้มาบูชาเทพเจ้าได้มากกลีบเท่าไรท่านก็จะให้สามีของเธอยู่ได้นานปีเท่ากับจำนวนกลีบดอกไม้นั้น เมื่อตื่นขึ้นมาคิกุโนะจึงออกตามหาดอกไม้ที่มีกลีบมากๆ แต่ไม่มีดอกไหนเลยที่จะมีกลีบดอกมากเท่าที่เธอต้องการ ในที่สุดเธอก็เลยตัดสินใจเอาดอกไม้ที่มีกลีบมากที่สุดมีกรีดให้แต่ละกลีบเป็นฝอยยาวจนกลายเป็นดอกไม่ที่มีกลีบนับไม่ถ้วน แล้วเอาไปถวายเทพเจ้า เทพเจ้าเห็นความตั้งใจจริงของคิกุโนะจึงบันดาลให้สามีหายจากโรคร้าย อยู่กับเธอไปจนแก่เฒ่า ดอกไม่ที่คิกุโนะทำขึ้นจึงถูกตั้งชื่อว่า " ดอกคิกุโนะ " หรือ " ดอกเบญจมาศ "

ประวัติดอกไฮยาชิน

รูปภาพ
ประวัติดอกไฮยาซิน ตำนาน Hyacinths ดอกไม้แห่งรักที่ยิ่งใหญ่และหยาดน้ำตา ในตำนานกรีกโบราณ มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องนึงค่ะเกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นกับเพศเดียวกัน อันเป็นที่มาของดอกไม้สีสวยชื่อว่า 'Hyacinths' โดยขอบอกเบาๆ ว่ารักร่วมเพศเรื่องนี้แอบดราม่าเล็กๆ ค่ะคุณขา ถ้าพร้อมแล้วเจ๊จะเล่าให้ฟังว่าตำนานรักร่วมเพศครั้งนี้นั้นทั้งเศร้าและเคล้าน้ำตาขนาดไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของเทพอพอลโล หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ ที่เคยถูกลงโทษจากเทพเจ้าซุสผู้เป็นพ่อให้ลงมาทำงานบนโลกของมนุษย์ และในระหว่างที่เค้าอยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้พบกับไฮยาซินทัส เจ้าชายแห่งเมืองสปาร์ต้า ในช่วงแรกพวกเค้าทั้งสองคนก็คบกันเป็นเพื่อนธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ แต่สุดท้ายพระสิริโฉมอันงดงามและความน่ารักของไฮยาซินทัสก็ทำให้เทพอพอลโลหลงรักไปโดยไม่ทันรู้ตัว และดูเหมือนว่าไฮยาซินทัสนั้นก็จะมีใจให้กับเทพอพอลโลเช่นกันค่ะและทั้งสองคนนี้ก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันตลอดเวลา แทบจะไม่แยกจากกัน แต่ความน่ารักของไฮยาซินทัสก็ได้แผลงฤทธิ์ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อเทพประจำลมตะวันตกนาม

ประวัติดอกซากุระ

รูปภาพ
ประวัติดอกซากุระ ซากุระเกิดขึ้นมาเพราะเทวนารีองค์หนึ่ง คือโคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะเชื่อกันว่า พระนางเป็นผู้ริเริ่มปลูกซากุระขึ้นเป็นครั้งแรก จึงได้ชื่อตามพระนามของนาง โคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะ เป็นธิดาของโอโฮยามัทซูมิ เทพแห่งภูเขา วันหนึ่งพระนางได้พบเทพนินิงิที่ชายทะเล และตกหลุมรักซึ่ง กันและกัน เทพนินิงิทูลขอเทพโอโฮยามัทซูมิเพื่อขอนางมาเป็นชายา ในตอนแรก เทพโอโฮยามัทซูมิได้เสนอธิดาอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นเทพีแห่งก้อนหินมาเป็นคู่สยุมพรแทน แต่เทพนินิงิไม่ยอม พระองค์ยังยืนกรานในรักมั่นที่มีต่อเทวี แห่งซากุระ ในที่สุดจึงได้วิวาห์ดังที่ปรารถนา หลังอภิเษกได้เพียงวันเดียวเทพีโคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะก็ทรงครรภ์ เทพโอโฮยามัทซูมิทรงคลางแคลงพระทัยว่าบุตรในท้องเป็นลูกของพระองค์จริงหรือไม่ การที่เทพีโคโนะฮานะ ซากุยะ ฮิเมะ ได้กำเนิดโอรสในกองเพลิงนี่เอง ทำ ให้ชาวบ้านเชื่อกันว่า พระนางควบคุมไฟได้ เลยก็เลยมีการสร้างศาลบูชาพระนางขึ้นที่ตีนภูเขาไฟฟู จิในปี ค.ศ.806 ด้วยความหวังว่า พระนางจะช่วยไม่ให้ภูเขาไฟพิโรธ ทำให้ประชาชนเดือด ร้อน พระนางจึงกลายเป็นเทพีแห่งภูเขาไฟฟูจิด้วย 

ประวัติดอกทานตะวัน

รูปภาพ
ประวัติดอกทานตะวัน ณ โบสถ์ในชนบทแห่งหนึ่งมีสาวงามผู้หนึ่งชื่อไคลธี่ เธอเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก แต่เพราะความงดงามนั้นบิดาของเธอจึงกักขังลูกสาวคนเดียวของตนไว้ในโบสถ์ ไคลธี่โดนกักขังในห้องหนึ่งซึ่งในห้องของเธอมีเพียงหน้าต่างบานหนึ่งที่สาดแสงอบอุ่นสีเหลืองเข้าภายในห้องของเธอ ไคลธี่ปราถนาที่จะได้เห็นที่มาของแสงนั้นมาก วันหนึ่งไคลธี่ตื่นขึ้นมาและได้พบว่าทหารยามไม่ได้อยู่เฝ้าไคลธี่จึงตัดสินใจออกจากห้องของเธอ ในขณะเดียวกันเทพอพอลโล(เทพแห่งดวงอาทิตย์)ก็ได้ขึ้นรถม้าขี่ไปทั่วท้องฟ้าเพื่อให้ความสว่างและอบอุ่นแก่โลกของมนุษย์ ทันทีที่ไคลธี่ได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่ประทับอยู่บนรถม้าทำให้เธอตกหลุมรักเทพอพอลโลเข้าทันที หลังจากวันนั้นไคลธี่ก็หนีออกมาจากห้องเธอทุกวันโดยไม่สนใจว่าตนเองจะโดนทำโทษหนักหนาสาหัสเพียงใด ในที่สุดไคลธี่ก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้านด้วยความรักอันมั่นคงที่ตนมีต่อเทพอพอลโล ไคลธี่ได้อฐิษฐานกับทวยเทพทั้งหลายว่า ด้วยความรักที่นางมอบให้ชายคนหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา หากเธอลับลาไปขอให้เธอได้เป็นทวยเทพแห่งผกา ที่ตั้งมั่นอยู่ตราบสิ้นแสงอัจจิมาตลอดกาล หลังจากเจ้า
รูปภาพ
ประวัติดอกไอริส           ดอกไอริสในภาษากรีก แปลว่า สายรุ้ง และเป็นดอก ที่ได้ชื่อมาจากเทพเจ้าไอริส ซึ่งเป็นเทพีแห่งสายรุ้ง และเป็นผู้คอยส่งสาร แห่งภูเขาโอลิมปัส เทพไอริส เป็นฑูตสวรรค์ ผู้คอยส่งสารจากสวงสรรค์ มายังโลกมนุษย์ โดยวิ่งมาตามสายรุ้งลงมาสู่โลกดังนั้นดอกไอริสจึงเป็นสัญลักษณ์ถึง “ ดวงตาแห่งสวรรค์ ”   ซึ่งมีความหมายว่า เมื่อเราถือดอกไอริส ก็เหมือนกับเราได้นำสวรรค์ติดตัวเราไปด้วยนั่นเอง ดอกไอริสนั้น บ่งบอกถึงไอเดียและความนัยต่างๆ ใบเลี้ยงทั้ง สามใบนั้นหมายถึง ความศรัทธา , ความรอบรู้และความกล้าหาญ ส่วนกลีบดอก 3 กลีบ นั้นเรามักจะเรียกกันว่า “standards” ส่วนกลีบเลี้ยงอีก 3 กลีบด้าน นอกเราก็จะเรียกว่า “falls”                      ความหมายของดอกไอริส    ฉันมีข้อความที่ต้องการ บอกเธอ                     เคล็ดลับการจัดดอกไอริส - ช่อดอกไอริสสามารถอยู่ในแจกันได้ประมาณ 3 – 7 วัน                                                             – ควรจัดระยะระหว่างดอกให้เหลือพื้นที่ว่างเล็กน้อยเพื่อให้กลีบดอก สามารถคลี่บานออกได้อีก                                                       
รูปภาพ
ประวัติดอกไฮเดรนเยีย             ดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา ” เค้าว่ากันว่าไม่ควรมอบดอกไม้นี้ให้แก่ผู้ใด นอกจากอยากจะตัดพ้อผู้รับว่า เขาหรือเธอ ช่างเป็นคนใจด้านชาเสียเหลือเกิน แต่ในอีกความหมายหนึ่ง เค้าก็ว่า ดอกไฮเดรนเยีย หมายถึง “ คำขอบคุณ ” ...Thankyou for understanding... ขอบคุณที่เข้าใจกัน “Hydrangea” หรือ ไฮเดรนเยีย เป็นดอกไม้จากต่างประเทศแต่รู้จักกันมานานแล้วในประเทศไทย สันนิษฐานกันว่า คุณไฮเดรนเยียนี้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่จะเข้ามาในไทยสมัยใดก็ช่างเถอะ เพราะตอนนี้ไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่แพร่หลายในประเทศไทย และเป็นที่นิยมของนักจัดสวน รวมทั้งนิยมนำมาประดับในงานแต่งงาน คำว่า hydrangea มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ที่ว่า water (hydro) และ vessel (angeion) = bowel of water ที่เรียกเช่นนั้นคงเป็นเพราะรูปทรงของดอกคล้ายอ่าง แล้วก็เค้าชอบน้ำมาก...พอขาดน้ำหน่อยก็เหี่ยวเฉา แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าดอกไฮเดรนเยียดูเป็นพุ่มๆ กลมๆ คล้ายอ่างน้ำซะมากกว่า...ดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่หลายๆ คนคงจะรู้จักดี แต่ว่าก็ยังมีอีกหลายคนที่เคยเห็นแต่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับคุณ