ประวัติดอกแพนซี่

ประวัติดอกแพนซี่



ตำนานกรีกเป็นเรื่องของเจ้าชายแอตทิส (Attis) แห่งฟรีเจีย (Phrygia) เทพีไซบีลีหรือซิบิลี (Cybele) หลงรักเจ้าชายหนุ่มผู้นี้อย่างหัวปักหัวปำ แต่ทว่าแอตทิสกลับไปมีใจให้หญิงอื่น (บางที่ก็ว่านางชื่อ Atta บางที่ก็ว่าเป็นนางพรายน้ำชื่อ Sagaritis) ด้วยความริษยาและพิโรธอย่างที่สุด พระนางจึงลงทัณฑ์แอตทิสให้เสียสติและปลิดชีพเขาในที่สุด บางที่เล่าว่าแอตทิสถูกทำให้เป็นบ้าจนถึงกับตอนตัวเองและฆ่าตัวตาย ดอกแพนซี่เกิดมาจากเลือดของเขาที่หลั่งลงดิน
แพนซี่เป็นดอกไม้ในตระกูล "ไวโอลา" (viola) เช่นเดียวกับไวโอเล็ต ไวโอลาเป็นตระกูลดอกไม้ที่ใหญ่โตมาก มีดอกไม้ในวงศ์วานกว่า 500 ชนิด แต่ "แพนซี่" เป็นดอกไม้ที่ใครๆ มักจะเอ็นดูด้วยหน้าตาของมันนั่นเอง ...

ดอกแพนซี่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และรับประทานได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะปลูกไว้ในสวน ทั้งดอกและใบแพนซี่ อุดมไปด้วยวิตามินเอ และ ซี (ถ้าน้องตูบมาและเล็มแพนซี่ ก็คงเพราะต้องการวิตามินเสริมนี่เอง !) ดอกแพนซี่สามารถนำไปทำเป็นน้ำเชื่อมก็ได้ เสริมรสชาติให้น้ำผึ้ง โรยหน้าสลัดก็ดี ทั้งใบและดอกแพนซี่ นำไปตกแต่งหน้าสลัดผลไม้ หรือครีมซุปก็เข้าท่า บางตำราก็นำดอกแพนซี่ไปเป็นสีธรรมชาติสำหรับย้อมผ้าอีกด้วย ...

ดอกของแพนซี่เป็นดอกเดี่ยว มีกลีบดอกห้ากลีบกลมมน รูปแบบของสีดอกแพนซี่มีถึงสามแบบ แบบแรกคือ กลีบดอกสีเดียวทั้งดอก สีสดเจิดจ้าสวยสดน่ามอง เช่น สีเหลือง สีน้ำเงิน แบบที่สองคือ กลีบดอกสีเดียว แต่มีเส้นสีดำบางๆ แผ่รัศมีออกมาจากใจกลางดอก เส้นเหล่านี้เรียกว่า "รอยดินสอ" (penciling) ซึ่งมีเหมือนกับเส้นใน "ไวโอลา" นั่นเอง แบบที่สาม ซึ่งน่าจะเป็นที่คุ้นตากันมากที่สุด คือกลีบดอกเป็นสีอะไรก็ได้ แต่ใจกลางดอกจะเป็นสีเข้ม ที่เรียกกันว่า "หน้า" ("face") นี่เอง ..
แพนซี่บางชนิดมีกลิ่นหอมอ่อนจางคล้ายน้ำหอมบางชนิด เมื่อได้กลิ่นหอมนี้แล้วจะจรุงใจจนเป็นที่จดจำได้นาน มักจะได้กลิ่นหอมในช่วงเช้าตรู่หรือย่ำค่ำ แพนซี่ที่มีกลิ่นหอมมาก คือสีเหลืองและสีน้ำเงิน ...
ในโลกตะวันตก นักทำสวนนิยมปลูกแพนซี่กันมากด้วยความที่เลี้ยงง่าย ไม่มีโรคภัยและแมลงเบียดเบียน ปลูกได้ขึ้นดีในทุกฤดูกาล ...

แพนซี่เป็นดอกไม้ยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ ""สวนแบบกระท่อม" (Cottage Garden) แม้ว่าจริงๆ แล้ว ไม่ว่าสวนแบบไหนก็ปลูกแพนซี่ได้สวยงามทั้งนั้น แต่สำหรับสวนกระท่อมจะรักใคร่แพนซี่เป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติคือออกดอกสวยงามได้ในทุกฤดูกาล และนิยมนำมาปลูกประดับริมทางเดิน (border)
ในโลกตะวันตก ดอกแพนซี่จะเริ่มบานในฤดูใบไม้ผลิ บานต่อเนื่องไปถึงฤดูร้อน และในภูมิอากาศบางแห่ง แพนซี่บางชนิดก็บานได้ทั้งในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวด้วย ส่วนในบ้านเรา ซึ่งอากาศจะเป็นแบบเดียวตลอดกาล ถ้าปลูกดีๆ ได้ดินดี อากาศปลอดโปร่ง แพนซี่ก็จะเบ่งบานสะพรั่งได้ตลอดทั้งปีเช่นกัน ...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประวัติดอกไฮยาชิน

ประวัติดอก Forget Me Not

ประวัติดอกลิลลี่สีขาว